<ยินดีต้อนรับสู่บล็อค รอบรู้สังคมศึกษา กับคุณครูพี่นิ่ง จ้า> ...ยินดีต้อนรับจ้า...

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

การสร้างความเป็นพลเมือง


การสร้างความเป็นพลเมือง




ความล้มเหลวของประชาธิปไตยในประเทศไทย
จากตัวเลขการรัฐประหารที่ฉีกรัฐธรรมนูญจำนวน 8 ครั้ง การรัฐประหารที่ไม่ฉีกรัฐธรรมนูญอีก 4 ครั้ง และรัฐธรรมนูญจำนวน 18 ฉบับในระยะเวลา 76 ปี กับเหตุการณ์นองเลือดอีก 3 เหตุการณ์ โดยมีสิ่งที่ได้มาคือ การเมืองที่ยังไม่ก้าวหน้าไปไหน นักการเมืองแก่งแย่งตำแหน่งแบ่งเก้าอี้ ประชาชนแตกแยกขัดแย้งแบ่งข้าง และเกิดความรุนแรงจนเกือบจะเกิดเหตุการณ์นองเลือดหลายครั้งในช่วงปี 2551 จนถึงช่วงสงกรานต์ปี 2552 ที่ผ่านมา โดยยังคงมีแนวโน้มที่อาจจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงอีก หรืออาจถึงขนาดเป็นสงครามกลางเมืองในอนาคต เป็นสิ่งที่ทำให้เรากล่าวได้ว่า ประชาธิปไตย อย่างน้อยจนถึงในขณะนี้ ไม่ประสบความสำเร็จ ในประเทศไทย
ทำไมประชาธิปไตยที่ประสบความสำเร็จในยุโรปและในอเมริกา จึงกลับล้มเหลวในประเทศไทย เป็นเพราะประชาธิปไตย ไม่เหมาะ กับประเทศไทย หรือปัญหาอยู่ที่ คนไทย ? ถ้าความล้มเหลวของประชาธิปไตยมีสาเหตุมาจาก คนไทย แล้ว ใคร หรือคนกลุ่มไหนในประเทศไทยเป็นตัวปัญหาที่ทำให้ประชาธิปไตยล้มเหลว ?
ทหาร : การเมืองไทยวนเวียนอยู่ในวงจรอุบาทว์ ปฏิวัติรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญ เป็นเพราะทหาร ถ้าทหารปล่อยให้ปัญหาการเมืองแก้ไขไปตามวิถีทางประชาธิปไตย ไม่ยึดอำนาจ ไม่ฉีกรัฐธรรมนูญ ประชาธิปไตยของไทยคงจะเติบโตขึ้นมาได้ ไม่เดินเวียนวนกลับมาเริ่มต้นใหม่ทุกครั้งไป และไม่ล้มเหลวดังเช่นทุกวันนี้
    นักการเมือง : ถ้านักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่ใช้อำนาจในทางที่มิชอบ ไม่ทุจริตคอร์รัปชัน ไม่ซื้อเสียง และสามารถแก้ปัญหากันเองได้ตามวิถีทางประชาธิปไตย ทหารจะมีเหตุในการยึดอำนาจได้อย่างไร ดังนั้น สาเหตุความล้มเหลวของประชาธิปไตยไทยก็คือนักการเมือง
    ประชาชน : นักการเมืองจะซื้อเสียงได้อย่างไร ถ้าประชาชนไม่ขายเสียงให้ ทหารจะปฏิวัติได้อย่างไร ถ้าประชาชนไม่เรียกร้องหรือไม่ให้ความสนับสนุน ดังนั้น ประชาชนต่างหากคือสาเหตุที่แท้จริงของความล้มเหลวของประชาธิปไตยในประเทศไทย
ใครคือสาเหตุของความล้มเหลวของประชาธิปไตยในประเทศไทย ก. ทหาร ข. นักการเมือง หรือ ค. ประชาชน ? คำตอบที่ถูกต้องคือ ง. ถูกทุกข้อ เราทุกคน ไม่ว่าจะเป็นทหาร นักการเมือง หรือประชาชน จะมากจะน้อยต่างก็มีส่วนต่อความล้มเหลวของประชาธิปไตยด้วยกันทั้งสิ้น เพราะจริงๆ แล้ว เราอาจจะมิได้ ศรัทธา ต่อระบอบประชาธิปไตย หรือ เข้าใจ เรื่องของการปกครองในระบอบนี้กันอย่างแท้จริง เราจึงไม่สามารถใช้วิถีทางประชาธิปไตยในการแก้ปัญหา และนี่คือสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ระบอบประชาธิปไตยไม่ประสบความสำเร็จในประเทศไทย
ในระบอบประชาธิปไตย คน เป็นสิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่า ระบบ ถึงแม้เท่าที่ผ่านมาเรามักจะกล่าวกันว่า ประชาธิปไตยไทยไม่ประสบความสำเร็จ เพราะประชาชนไม่มี จิตสำนึกประชาธิปไตยเราจึงพยายาม เผยแพร่ประชาธิปไตยกันมาตลอดเวลา แต่ทำไมประชาธิปไตยถึงยังล้มเหลว ทั้งๆ ที่เรามีการศึกษาภาคบังคับ ๑๒ ปี ทำไมเราจึงยังไม่สามารถ ปลูกฝังประชาธิปไตยให้มั่นคงในประเทศไทยได้ มีอะไรบางอย่างที่เราทำผิดพลาดไป หรือไม่ได้ทำหรือไม่ แล้ว ประชาธิปไตยที่เราพยายามเผยแพร่ พยายามปลูกฝัง พยายามสร้างจิตสำนึก คืออะไร จริงๆ แล้วเราเข้าใจ ประชาธิปไตยกันแค่ไหน เราเข้าใจกันอย่างแท้จริงหรือไม่ว่า ประชาธิปไตยคืออะไร ?
ประชาธิปไตยคืออะไร
ประชาธิปไตย คือ ระบอบการปกครองที่อำนาจสูงสุดในประเทศเป็นของประชาชน (ประชา + อธิปไตย) โดยประชาชนเป็นผู้ปกครองตนเอง หรือเป็นการปกครอง โดยประชาชน ประเทศใดปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ประเทศนั้นประชาชนจะมีฐานะเป็น เจ้าของประเทศ เมื่อเป็นเจ้าของประเทศประชาชนย่อมมีสิทธิและมีเสรีภาพในประเทศของตน เช่นเดียวกับเจ้าของบ้านที่มีสิทธิและมีเสรีภาพในบ้านของตน ประชาธิปไตยจึงแตกต่างจากระบอบการปกครองระบอบอื่น เพราะระบอบอื่นประชาชนจะเป็นเพียง ผู้อาศัย และจะมีสิทธิเสรีภาพเพียงเท่าที่ผู้มีอำนาจของประเทศจะ อนุญาต ให้มีเท่านั้น
ในประเทศไทยนั้น อำนาจสูงสุดในประเทศ หรือ อำนาจอธิปไตย ได้กลายเป็นของประชาชน เมื่อได้มีการประกาศใช้ รัฐธรรมนูญฉบับแรก ซึ่งมีชื่อว่า พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พุทธศักราช ๒๔๗๕ในวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๔๗๕ หรือสามวันหลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยมีคำปรารภและมาตราแรกดังต่อไปนี้ โดยที่คณะราษฎรได้ขอร้องให้อยู่ใต้ธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยาม เพื่อบ้านเมืองจะได้เจริญขึ้น และโดยที่ได้ทรงยอมรับตามคำขอร้องของคณะราษฎร จึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยมาตราต่อไปนี้ มาตรา 1 อำนาจสูงสุดในประเทศนั้นเป็นของราษฎรทั้งหลาย ...

               รัชกาลที่เจ็ดได้ทรงลงพระปรมาภิไธยที่ท้ายรัฐธรรมนูญฉบับนี้โดย ไม่มีผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ดังเช่นพระบรมราชโองการในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ซึ่งแตกต่างไปจากรัฐธรรมนูญอีก 17 ฉบับต่อมาหลังจากนั้นที่มีผู้รับสนองพระบรมราชโองการเสมอ รัฐธรรมนูญฉบับแรกนี้จึงเป็น รอยต่อ ระหว่าง ระบอบราชาธิปไตย ที่อำนาจสูงสุดเป็นของพระมหากษัตริย์ กับ ระบอบประชาธิปไตย ที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน และมีฐานะเป็น หนังสือมอบอำนาจสูงสุดในประเทศ ให้กับ ราษฎรทั้งหลายโดยพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจแต่เดิม ได้ทรงลงพระปรมาภิไธยมอบอำนาจนั้นด้วยพระองค์เอง ระบอบประชาธิปไตยที่ อำนาจสูงสุดในประเทศเป็นของราษฎรทั้งหลายโดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ จึงเริ่มต้นในประเทศไทยนับแต่บัดนั้น
เมื่ออำนาจสูงสุดในประเทศเป็นของประชาชน ประชาธิปไตยจึงก่อให้เกิด หลักสิทธิเสรีภาพ และต้องมีการประกันสิทธิเสรีภาพให้กับประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศ และโดยที่ประชาชนร่วมกันเป็นเจ้าของประเทศ ตามหลักกฎหมายในเรื่องการเป็น เจ้าของร่วม นั้น ถ้าของสิ่งใดมีเจ้าของมากกว่าหนึ่งคน ทุกคนย่อมมีส่วนเป็นเจ้าของในสิ่งของนั้นอย่างเสมอกัน ถ้าเอาไปขายก็ต้องแบ่งให้มีส่วนแบ่งไปเท่าๆ กัน ดังนั้น ในระบอบประชาธิปไตย ประชาชนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน หรือมีการศึกษาสูงต่ำอย่างไร หรือยากดีมีจนแค่ไหน หรือนับถือศาสนาใด ย่อมมีส่วนเป็นเจ้าของประเทศอย่างเสมอกัน ทำนองเดียวกันกับการที่คนหลายคนร่วมกันเป็นเจ้าของบ้านหลังหนึ่ง เจ้าของบ้านทุกคนย่อมมีสิทธิและมีเสรีภาพในบ้านหลังนี้อย่างเสมอกัน โดยเหตุนี้ ประชาธิปไตยนอกจากจะทำให้เกิดสิทธิเสรีภาพ ยังทำให้เกิด หลักความเสมอภาค ขึ้นมาพร้อมกันด้วย
ในประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยประชาชนจึงมีความเท่าเทียมกัน ในระบอบนี้ประชาชนจะเป็นเจ้าของชีวิต มีสิทธิส่วนบุคคล และมีเสรีภาพในการเลือกวิถีชีวิตของตนเอง โดยที่ไม่จำเป็นต้องคิดเหมือนกัน เชื่อเหมือนกัน หรือเห็นเหมือนกัน หากสามารถที่จะ แตกต่าง กันได้ ประชาธิปไตยจึงเป็นเรื่องของความ หลากหลาย ภายใต้หลักความเสมอภาค สำหรับในเรื่องอันเป็นเรื่องของส่วนรวม หรือในเรื่องของการเมืองการปกครอง โดยเหตุที่ประชาชนแตกต่างกันและมีความเห็นที่แตกต่างกันได้ หากไม่สามารถ เห็นพ้องต้องกัน ได้ ประชาธิปไตยซึ่งเป็น การปกครองโดยประชาชน ก็จะต้องตัดสินปัญหาโดยใช้ หลักเสียงข้างมาก แต่การใช้หลักเสียงข้างมากอย่างเดียว จะกลายเป็น เผด็จการเสียงข้างมาก ไปได้ ประชาธิปไตยจึงต้องมีการ คุ้มครองเสียงข้างน้อย ด้วย เพราะประชาธิปไตยมิใช่ระบอบการปกครองแบบพวกมากลากไป หรือระบอบพวกมากเป็นใหญ่ เสียงข้างมากจึงต้องรับฟังและเคารพเสียงข้างน้อยด้วย

หลักประชาธิปไตยทั้งสามประการนี้คือ หนึ่ง อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนและเป็นการปกครองโดยประชาชน สอง สิทธิเสรีภาพและความเสมอภาค และ สาม การปกครองโดยเสียงข้างมากที่คุ้มครองเสียงข้างน้อย คือความหมายและหลักการของ ประชาธิปไตยประชาชนชาติใดที่ต้องการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย จะต้องนำหลักการดังกล่าวนี้มาเขียนเป็น กติกา เพื่อใช้ในการปกครองตนเองของประชาชน กติกานี้ก็คือ รัฐธรรมนูญ นั่นเอง
ประชาธิปไตยคือการปกครองโดย กติกาที่มาจากประชาชน
ระบอบประชาธิปไตยจึงเป็นการปกครองโดยกติกา หรือ การปกครองโดยกฎหมาย (The Rule of Law) หรือที่เรียกว่า นิติรัฐซึ่งหมายถึงรัฐที่ปกครองโดยกติกา มิใช่ปกครองโดย อำเภอใจ หรือ ใช้กำลัง โดยทุกคนจะต้องอยู่ภายใต้กติกาหรือกฎหมายอย่างเสมอกัน รัฐบาลก็จะต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย และจะมีอำนาจกระทำการใดที่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพประชาชนได้ต่อเมื่อมีกฎหมายให้อำนาจไว้เท่านั้น และเนื่องจากประชาธิปไตยคือการปกครองโดยประชาชน กฎหมายที่ใช้ในการปกครองจึงต้องมาจากประชาชน และนี่เองคืออำนาจหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎร สภาของ ผู้แทนราษฎรที่ ราษฎรได้เลือกเข้าไปทำหน้าที่ออกกฎหมายแทนตนเอง
ในระบอบประชาธิปไตย อำนาจของรัฐบาลหรือ ฝ่ายบริหาร จึงมาจากกฎหมายที่ตราขึ้นมาโดย ฝ่ายนิติบัญญัติ ที่มาจากประชาชน ถ้าหากรัฐบาลละเมิดกฎหมาย หรือใช้อำนาจโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ฝ่ายตุลาการ หรือศาลจะเป็นผู้ใช้อำนาจตีความกฎหมายในการตัดสิน เพื่อควบคุมการใช้อำนาจให้เป็นไปตามกฎหมายที่มาจากประชาชน และนี่คือ หลักการแบ่งแยกอำนาจ ของระบอบประชาธิปไตย ที่ต้องมีการแบ่งแยกอำนาจออกเป็น อำนาจนิติบัญญัติ (ตรากฎหมาย) อำนาจบริหาร (ใช้กฎหมาย) และ อำนาจตุลาการ (ตีความกฎหมาย) เพื่อให้เกิดการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจ (checks & balances) มิให้ผู้มีอำนาจใช้อำนาจได้ตามอำเภอใจ หากต้องใช้ภายใต้กฎหมายหรือกติกาที่มาจากประชาชน
ประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยจะต้องนำหลักการทั้งหลายเหล่านี้มาบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ในระบอบประชาธิปไตยรัฐธรรมนูญจึงเป็น กฎหมายสูงสุด เป็น กฎหมายของกฎหมาย ที่กำหนดว่า กฎหมายหรือกติกาที่ใช้ในการปกครองจะบัญญัติออกมาโดยกระบวนการอย่างไร ทั้งจะต้องมีการกำหนดระบบและรูปแบบที่ใช้ในการปกครอง พร้อมกับมีการประกันสิทธิเสรีภาพของประชาชน

รัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตยจึงมีฐานะเป็น สัญญาประชาคม ของคนในชาติที่ตกลงกันว่าจะปกครองกันด้วยระบอบประชาธิปไตย โดยใช้กติกาตามที่ตกลงกันไว้ในรัฐธรรมนูญ และนี่คือความหมายของ รัฐธรรมนูญ ในระบอบประชาธิปไตย
ประชาธิปไตยจะประสบความสำเร็จได้ ประชาชนจะต้องเป็น พลเมือง



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น